อสังหาฯ โหมแคมเปญก่อนปิดงบปี 64 ระบุนาทีทองช่วงสุดท้าย

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

หลังจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ต้องซบเซานานกว่า 2 ปี จากพิษเศรษฐกิจชะลอตัว และการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ทำให้ผู้ประกอบการต้องเปิดสงครามราคา เพื่อระบายสต๊อก โดยเฉพาะสต๊อกสินค้าคอนโดมิเนียมซึ่งตกค้างอยู่ในตลาดจำนวนมาก เพราะการหายไปของลูกค้าต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าซื้ออยู่อาศัยเอง และลูกค้าซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า หลังการประกาศล็อกดาวน์ประเทศ

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ต่างเฝ้ารอสัญญาณการกลับมาฟื้นตัวของตลาด กำลังซื้อและการเปิดประเทศ ซึ่งจะทำให้กลุ่มลูกค้าต่างชาติกลับเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศอีกครั้ง และล่าสุดหลังจากรัฐบาลประกาศเปิดประเทศต้อนรับกลุ่มนัก่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติในวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ความเชื่อมั่นและทิศทางตลาดอสังหาฯ ส่งสัญญาณกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

แน่นอนว่าทิศทางดังกล่าวย่อมส่งผลดีต่อตลาดรวมอสังหาฯ เพราะแนวโน้มทิศทางการซื้อที่อยู่อาศัยเริ่มกลับมาดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มการซื้อเพื่อลงทุนของกลุ่มนักลงทุนที่ก่อนหน้าชะลอตัวไป และกลุ่มลูกค้าที่มีแผนจะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง ซึ่งในช่วงปลายปีนี้ถือเป็นช่วงนาทีทองที่จะได้ซื้อที่อยู่อาศัยในราคาส่วนลดสูงสุดกว่า 20-40% เป็นช่วงสุดท้ายแล้วก็ว่าได้

“การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้างและเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำไปทั่วทั้งโลก ส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯ โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมที่ได้รับผลลบอย่างหนักในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ซัปพลายคอนโดในกรุงเทพฯ ลดลงถึง 65% จากจำนวนซัปพลายเดิมก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 อยู่ที่ประมาณ 60,000 ยูนิต เหลือ 22,000 ยูนิต ในปี 63 และลดลงมาเหลือ 11,000 ยูนิตในปี64” นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าว

ทั้งนี้ การเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจาก 63 ประเทศ เดินทางเข้าไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว ส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจไทย และธุรกิจต่างๆ เริ่มมองหาโอกาสลงทุน การลงทุนในอสังหาฯ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจซึ่งนักลงทุนต่างเริ่มมองหาโอกาสและช่องทางการลงทุนที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกัน ราคาอสังหาฯ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากที่ปรับลดราคาลดลงค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา จึงนับเป็นช่วงนาทีทองของผู้ซื้อที่ต้องการที่อยู่อาศัย และหากไม่รีบตัดสินใจซื้อในขณะนี้จะเสียโอกาสที่จะได้ซื้อของถูกรึเปล่า

“ผู้ซื้อที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง ณ เวลานี้น่าจะเป็นโอกาสเดียวที่จะได้ซื้อคอนโดราคาถูกเท่าที่เป็นไปได้เมื่อเศรษฐกิจและธุรกิจในภาพรวมปรับตัวดีขึ้นจากการเปิดประเทศ โอกาสที่จะซื้อคอนโดในราคาขายที่ถูกขนาดนี้นั้นจะมีโอกาสที่น้อยมากๆ ส่วนกรณีการซื้อเพื่อลงทุน คงมี 2 ปัจจัยให้พิจารณาคือ 1.ราคาซื้อตอนนี้เหมาะสมสำหรับการลงทุนหรือไม่ ทั้งนี้ จะขึ้นอยู่กับเงินลงทุนว่าต้องกู้และต้นทุน และ 2.ตลาดเช่าเป็นอย่างไร จะใช้เวลาอีกนานเท่าไรจึงจะฟื้นตัวและอัตราค่าเช่าเป็นอย่างไรบ้าง

 

“โอกาสในการลงทุนยังคงมีอยู่ แม้ว่าสถานการณ์จะไม่ปกติ แต่หากนักลงทุนรู้จักเลือกทำเลและโครงการที่มีราคาขายเหมาะสม ส่วนแนวโน้มของราคาจะลดลงอีกหรือไม่นั้นจะอยู่ที่โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างหรือสร้างเสร็จแล้ว และเจ้าของโครงการต้องการเงินสดสำหรับแก้ปัญหาทางการเงิน หรือต้องการปิดโครงการก็จะทำการลดราคาขายเพื่อให้ขายได้หมดและปิดโครงการ สำหรับการพัฒนาคอนโดใหม่ที่จะเกิดขึ้นในช่วง 1-2 ปีนี้ ระดับราคาขายหากมีปรับลดลงจะลดไม่มาก เพราะต้นทุนที่ดินส่วนใหญ่ที่บริษัทพัฒนาเป็นต้นทุนก่อนโควิดระบาด” นายพนม กล่าว

จากการคาดการณ์แนวโน้มของการปรับตัวขึ้นของราคาขายที่อยู่อาศัยในช่วงปี 65 ทำให้ในช่วงปลายปีนี้เป็นช่วงนาทีทอง ช่วงสุดท้ายของผู้บริโภคและนักลงทุนที่ต้องการที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยา ซึ่งคาดว่าจะไม่มีให้เห็นอีกในปีหน้าโดยเฉพาะในช่วงปลายปีนี้เป็นช่วงที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ ต้องการเร่งยอดขาย ซึ่งสอดรับกับช่วงที่ได้อานิสงส์บวกจากนโยบายรัฐผ่อนปรนมาตรการต่างๆ เช่น มาตรการ LTV ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับการเร่งปิดงบก่อนสิ้นปี ทำให้เห็นว่าในช่วงปลายปีนี้ได้มีค่ายอสังหาฯ จัดแคมเปญส่วนลดพิเศษจากค่ายต่างๆ ออกมาจำนวนมาก

ไม่ว่าจะเป็นค่าย ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งมองว่าในครึ่งหลังปี 64 ตลาดยังมีความท้าทาย ทำให้ผู้ประกอบการยังใช้กลยุทธ์สงครามราคา และจัดโปรโมชันเพื่อเร่งยอดขาย ยอดโอนกรรมสิทธิ์ส่งท้ายปี และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ขณะเดียวกัน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนคลายมาตรการ LTV ให้แบงก์ปล่อยสินเชื่อได้ 100% ส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ ช่วยกระตุ้นตลาดให้กลับมาคึกคัก ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น จึงเป็นที่มาของแคมเปญด่วนต้อนรับปีขาลเพื่อขานรับมาตรการของรัฐ และผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในช่วงปลายปีนี้จนถึงต้นปี 65 ภายใต้ชื่อแคมเปญ “Supalai Early Fast Deals ขาลเร็ว…รับโปรด่วน” กับโครงการบ้านและคอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค ราคาเริ่ม 1 ล้านกว่าบาท โดยเตรียมข้อเสนอพิเศษทองคำมูลค่าสูงสุด 100,000 บาท และกู้ไม่ผ่านยืนดีคืนเงิน ค่าใช้จ่ายวันโอน เช่นค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ ค่าจดจำนอง ค่ามิเตอร์น้ำ ไฟ ค่าส่วนกลาง 1 ปีแรก ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.64-31 ม.ค.65 นี้

 

ขณะที่ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ได้จัดแคมเปญ CONDO OF THE YEAR 2021 ราคาปิดตึก สำหรับคอนโดพร้อมอยู่ใกล้รถไฟฟ้าล็อตสุดท้ายราคาปิดตึก ก่อน Sold Out ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท โดยลูกค้าที่ซื้อบ้านในแคมเปญดังกล่าวจะได้รับส่วนลดสูงสุด 3 ล้านบาท กู้เต็ม 100% จอง 999 บาท ฟรีโอน 6 รายการ ยูนิตพิเศษ เริ่ม 1.59-3.98 ล้าน* โครงการที่เข้าร่วมแคมเปญ ประกอบด้วย เดอะ เลค กัลปพฤกษ์-วุฒากาศ คอนโดเดอะ สกายสุขุมวิท-สถานีอุดมสุข เมโทร สกาย บางซ่อน อินเตอร์เชนจ์ เมโทรลักซ์ รัชดา เมโทรลักซ์ ริเวอร์ฟร้อนท์รัตนาธิเบศร์ ไอ คอนโด กรีนสเปซ เสรีไทย ไอ คอนโด ศาลายา 2 เดอะแคมปัส เบลล่า คอสต้า หัวหิน

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เป็นอีกค่ายอสังหาฯ ที่จัดแคมเปญส่งท้ายปี 64 ภายใต้ชื่อ “Origin End Year Sale” ซึ่งนำคอนโดพร้อมอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และอีอีซีรวม13 โครงการมาร่วมแคมเปญ เช่น โครงการบริกซ์ตัน เพ็ทแอนด์เพลย์ สุขุมวิท 107 ดิ ออริจิ้น รามอินทรา 83 สเตชั่น ดิ ออริจิ้น รัชดา-ลาดพร้าว ดิ ออริจิ้น สุขุมวิท 105 ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชี่ยน ศรีราชา นอตติ้งฮิลล์ ระยอง เป็นต้น ในราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท จองเพียง 5,000 บาท กู้ได้เต็ม 100% และสิทธิพิเศษอื่นๆ เช่น ฟรี! ทุกค่าใช้จ่ายวันโอน เฟอร์นิเจอร์ พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกยูนิต แถมยังเล่นใหญ่อัดส่วนลดพิเศษจัดหนักแบบจุใจอีก 1 ต่อกับ “168 ชั่วโมง MarathonSale” ขายแบบไม่ต้องพัก 7 วัน 7 คืน หากที่ปรึกษาการขายให้ข้อมูลช้า รับส่วนลดเพิ่มอีกทันทีชั่วโมงละ 5,000 บาท สูงสุด 12 ชั่วโมง ระหว่างวันที่ 9-15 ธันวาคมนี้ โอกาสสุดท้ายกับคอนโดพร้อมอยู่ ราคาปิดดีลส่งท้ายปี ล่าสุด ออริจิ้นได้จัด “IP Expo” ขนทัพอสังหาฯ เพื่อการลงทุนยูนิตพิเศษ มอบโอกาสลงทุน CBD of EEC และ Real CBD ส่งท้ายปีเริ่มต้น 2.99 ล้าน ถึง 26 ธ.ค.นี้

ขณะที่บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นอีกค่ายที่ส่งแคมเปญทิ้งทวนปลายปี ภายใต้ชื่อ “กู้ง่ายได้ชัวร์” โดยยกทัพ 10 โครงการ ทำเลเด่นมาร่วมแคมเปญ

โดย ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ เสนาฯ กล่าวว่า หลัง ธปท.ขยายเพดานการกำหนดอัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV Ratio) สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยทุกราคาและทุกสัญญากู้ได้ 100% (จากเดิม 70-90%) โดยไม่ต้องวางเงินดาวน์ไปจนถึงสิ้นปี 65 เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยและกำลังซื้อของลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มเรียลดีมานด์ เพราะช่วยลดภาระความกังวลเรื่องของเงินดาวน์รวมทั้งนโยบายการคลัง มีการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองสำหรับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้าน

และเพื่อกระต้นกำลังซื้อไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงผู้บริโภคที่มีความพร้อมและมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย เสนาฯ จึงได้จัดแคมเปญกระตุ้นกำลังซื้อต่อเนื่องเริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นปี 64 โดยมอบโปรโมชันสุดพิเศษกับแคมเปญ “กู้ง่ายได้ชัวร์” พร้อมคัดสรรบ้านและทาวน์โฮมทำเลคุณภาพทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทั้งสิ้น 10 โครงการ ราคาตั้งแต่ 1.3 ล้านบาท-12 ล้านบาท ผ่อนล้านละ 1,500 บาท ฟรี! ค่าโอนกรรมสิทธิ์ รับเงินคืนสูงสุด 1.5 ล้านบาท

 

การตบเท้าร่วมใจกันจัดแคมเปญพิเศษกระตุ้นกำลังซื้อและตลาดอสังหาฯ ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ทำให้ปลายปี 64 เป็นช่วงนาทีทอง ช่วงสุดท้ายก่อนที่ตลาดจะเริ่มฟื้นตัวชัดเจน และจะมีผลให้ผู้ประกอบการ กลับมาทำตลาดตามปกติ ซึ่งจะไม่มีภาพของการดัมป์ราคาขาย 20-40% ให้ผู้บริโภคได้ชอปที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยา อย่างเช่นในช่วงปี 64 ให้เห็นอีก

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket