รองนายกฯ ประเสริฐ แสดงความห่วงใยต่อการสร้างเขื่อนสานะคามของลาว พร้อมเร่งแผนที่ราชอาณาจักรไทยแบบ One Map

ข่าวด่วนวันนี้ (ข่าวทั่วไทย)

ในวันที่ 30 เมษายน 2568 ณ ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้แสดงความกังวลอย่างมีนัยสำคัญเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างเขื่อนสานะคามบนแม่น้ำโขงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากชายแดนประเทศไทยเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น โดยท่านได้กล่าวถึงประเด็นนี้ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568

นายประเสริฐได้แถลงว่า การสร้างเขื่อนดังกล่าวซึ่งจะเป็นการปิดกั้นแม่น้ำโขงนั้น อาจส่งผลกระทบในวงกว้างต่อประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านระบบนิเวศและความมั่นคงทางทรัพยากรธรรมชาติ ประเทศไทยจึงมีความจำเป็นต้องส่งเอกสารที่แสดงความห่วงใยอย่างเป็นทางการไปยังรัฐบาล สปป.ลาว เพื่อขอให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างรอบด้าน

“เราต้องแสดงข้อห่วงใยในหลายประเด็นสำคัญ ทั้งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์น้ำในลำน้ำโขง การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำบริเวณตลิ่ง และผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการนี้” นายประเสริฐกล่าว “เราต้องการให้มีการทบทวนตำแหน่งที่ตั้งโครงการอย่างจริงจัง เนื่องจากพื้นที่ก่อสร้างปัจจุบันอยู่ใกล้ชายแดนไทยมากเกินไป”

เมื่อสื่อมวลชนสอบถามถึงความมั่นใจว่า สปป.ลาว จะรับฟังข้อกังวลของไทยหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีได้ตอบว่า จำเป็นต้องมีการเจรจาหารือระหว่างสองประเทศอย่างละเอียด โดยมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบที่จะมีต่อประเทศไทยให้น้อยที่สุด และในขณะเดียวกันก็เพิ่มประโยชน์ที่ไทยจะได้รับให้มากที่สุด ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้เสนอให้มีการพิจารณาเลื่อนจุดก่อสร้างเขื่อนไปยังตำแหน่งที่เหมาะสมกว่า

นายประเสริฐยืนยันว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ท่านจะเป็นผู้นำในการเจรจากับฝ่าย สปป.ลาว ด้วยตนเอง เพื่อให้มั่นใจว่าผลประโยชน์ของประเทศไทยจะได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ และเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ

นอกจากประเด็นเรื่องเขื่อนสานะคามแล้ว ในวันเดียวกัน นายประเสริฐยังได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ซึ่งได้มีการติดตามความคืบหน้าของนโยบายสำคัญหลายประการ โดยเฉพาะการสนับสนุนระบบสาธารณูปโภคด้านไฟฟ้าและน้ำในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีและแม่ฮ่องสอน ซึ่งการดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

“เราได้รับรายงานว่าการดำเนินการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในพื้นที่เป้าหมายเป็นไปด้วยดี และที่ประชุมมีมติให้ขยายการดำเนินงานไปยังพื้นที่อื่นๆ ที่ยังประสบปัญหาการเข้าถึงน้ำและไฟฟ้าอย่างไม่ทั่วถึง” รองนายกรัฐมนตรีกล่าว “เราได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลและวางแผนขยายโครงการเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ห่างไกลให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น”

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ได้รับการติดตามในการประชุมคือความคืบหน้าของโครงการ One Map หรือแผนที่ราชอาณาจักรไทย ซึ่งเป็นโครงการจัดทำแผนที่มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาความซ้ำซ้อนและความไม่สอดคล้องกันของแผนที่ที่ใช้โดยหน่วยงานรัฐต่างๆ

“ที่ประชุมได้เร่งรัดการจัดทำแผนที่ราชอาณาจักรไทยแบบ One Map ให้แล้วเสร็จภายในปี 2568 นี้” นายประเสริฐเปิดเผย “ขณะนี้เราได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 57 จังหวัด เหลือเพียง 20 จังหวัดเท่านั้น ซึ่งผมมั่นใจว่าเราจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ตามกำหนด”

การพัฒนาแผนที่ One Map มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวางแผนและการบริหารจัดการที่ดินของประเทศไทย เนื่องจากจะช่วยลดความขัดแย้งเรื่องแนวเขตที่ดิน และสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อศึกษาและปรับปรุงกฎหมายสำคัญ 2 ฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 โดยมอบหมายให้นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะอนุกรรมการชุดนี้

การทบทวนและปรับปรุงกฎหมายทั้งสองฉบับนี้มีเป้าหมายเพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติของประเทศเป็นไปอย่างสมดุล สามารถปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็คำนึงถึงวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชุมชนท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ในพื้นที่หรือบริเวณใกล้เคียงพื้นที่อนุรักษ์

ทั้งนี้ นายประเสริฐได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการดำเนินนโยบายที่สมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นธรรม

การประชุมทั้งสองคณะในวันนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศในหลายมิติ ทั้งด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน